VPD (Vapor Pressure Deficit)
- Apiruk Thongkaysorn
- Sep 27, 2023
- 1 min read
Updated: Sep 29, 2023

อีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญของการปลูกพืชคือ VPD (Vapor Pressure Deficit) แรงดึงระเหยน้ำของอากาศ หรืออีกนัยยะคือ ความต่างของแรงดันในใบ เทียบกับแรงดันในอากาศ ฉะนั้นก่อนเข้าเรื่อง VPD ขอทำความเข้าใจเรื่อง แรงดันในอากาศ ความชื้นในอากาศกันก่อน
ความชื้นสัมพัทธ์ RH (Relative Humidity) มีหน่วยวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ % ของปริมาณไอน้ำในอากาศ ณ อุณหภูมินั้นๆ เทียบกับปริมาณที่อุณหภูมินั้นๆรับไอน้ำได้สูงสุด เช่น RH 50% หมายความว่า ที่อุณหภูมินี้ มีไอน้ำอยู่ครึ่งหนึ่งของปริมาณที่อุณหภูมินี้รับได้สูงสุด ซึ่งถ้าอณหภูมิยิ่งสูงอากาศยิ่งสามารถรับไอน้ำได้สูงขึ้นเช่นกัน
RH วัดได้ด้วยมิเตอร์ Hygrometer ค่าที่ได้สามารถตีความได้ว่า ต้นไม้มีการคายน้ำมากน้อยเพียงได โดยเมื่อพืชได้รับความร้อนมากเกินไปก็จะทำการคายน้ำออกทางปากใบ (Stomata) เพื่อเป็นการระบายความร้อนเรียกว่า การเปิดและปิดปากใบ
ยิ่งอากาศแห้งเท่าไหร่ = ต้นไม้ยิ่งคายน้ำมากขึ้น
แก๊ซในอากาศก็มีแรงดัน และเมื่อไอน้ำในอากาศมาก แรงดันแก๊สในอากาศก็มากตาม
RH ยิ่งมาก = พืชยิ่งคายน้ำน้อย RH ยิ่งน้อย = พืชยิ่งคายน้ำมาก
VPD มีหน่วยเป็น mBar (millibars) หรือ kPa (kilopascals) โดย VPD คำนวณจากอุณหภูมิและความชื้น โดยมีค่าความสัมพันธ์ตรงข้ามกับค่าความชื้น
RH ค่ามาก = VPD จะมีค่าน้อย
VPD ยิ่งมาก = ยิ่งมีพลังดูดเอาความชุ่มชื้นออกจากต้นไม้ ก็คือ พืชระบายความร้อนได้ดีมากขึ้น
VPD เป็นตัวบอกความสามารถในการคายน้ำเพื่อระบายความร้อนของพืช ซึ่งยิ่งแม่นยำพืชก็จะสามารถเจริญเติบโตได้ดีไปด้วย แต่อน่างไรก็ตามการคำนวณ VPD จะต้องรู้อุณหภูมิที่ใบของต้นพืช ซึ่งค่อนข้างยากเพราะใบแต่ละใบอุณหภูมิไม่เท่ากัน เพราะบางใบโดนแสงเต็มใบ ครึ่งใบ เสี้ยวใบ ไม่เท่ากัน ในฟาร์มปลูกขนาดใหญ่ จะใช้การวัดอุณภูมิที่จุดยอด แล้วทำการเฉลี่ย ปลายทางคือผลของความชื้นและอุณหภูมิที่มีต่อต้นพืชโดยรวม โดยวัดความชื้นและอุณหภูมิใกล้เคียงยอดพอ
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ การคายน้ำเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อไอน้ำระเหยออกจากใบสู่บรรยากาศจะช่วยทำให้อุณหภูมิเนื้อเยื่อของพืชเย็นลง อุณหภูมิใบของต้นพืชทีสุขภาพดีจะมีอุณหภูมิต่ำกว่า ใบที่ไม่มีการคายน้ำอยู่ 2-6องศาเซลเซียส

ตาราง VPD พอจะช่วยบอกได้ว่าเราควรปรับ ความชื้น อุณหภูมิ หรือส่วนไหนให้เหมาะกับพืช
Comments